“การหาเงินได้มากขึ้นจะไม่ตอบโจทย์ ตราบใดที่กระแสเงินสดของคุณยังเป็นปัญหาอยู่” — Robert Kiyosaki
งบกระแสเงินสดเป็นตัววัดการเคลื่อนไหวของเงินคุณ
กระแสเงินสดส่วนตัวของคุณนั้นหมายถึง รายได้ลบด้วยรายจ่ายในช่วงระยะเวลาหนึ่ง — โดยทั่วไปก็คือในหนึ่งเดือน Peter Drucker เคยกล่าวไว้ว่า ถ้าคุณวัดมันไม่ได้ คุณก็จะจัดการมันไม่ได้ — และนั่นก็เป็นเหตุผลที่เรามาเพื่อช่วยคุณ!
หากคุณต้องการซื้ออะไรบางอย่างโดยไม่ต้องการเงินกู้ หรือหากคุณต้องการให้เงินเก็บงอกเงย หรือแม้กระทั่งเริ่มต้นการลงทุนแล้วล่ะก็ คุณต้องเริ่มที่ สาระสำคัญ: กระแสเงินสดของคุณก่อนเลย
คุณสามารถเก็บได้เท่าไหร่
เราคิดง่าย ๆ ได้ว่ากระแสเงินสดเป็นเงินที่สามารถเก็บจากเงินเดือนในแต่ละเดือนนั้น สิ่งสำคัญก็คือต้องรู้ว่าคุณกำลังใช้จ่ายไปมากหรือน้อยกว่าที่หามาได้ เพราะการใช้จ่ายเกิน จะทำให้คุณใช้จากส่วนที่เป็นเงินเก็บไปหรือแม้แต่ติดอยู่ในวังวนของการเป็นหนี้ ซึ่งเราไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น
เริ่มจากขั้นตอนง่าย ๆ ดังต่อไปนี้!
การติดตามรายจ่าย
เริ่มใช้งาน Spendee เพื่อทำความเข้าใจเงินของคุณแล้วใช่ไหม? ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีเลยล่ะ! ใช้ประโยชน์จากการวิเคราะห์อันสวยงามของเรา เพื่อสำรวจดูว่ายังมีจุดอ่อนด้านใดบ้าง คุณจัดสรรรายได้อย่างไร? คุณใช้จ่ายไปในหมวดหมู่ใดบ้าง? มีช่องว่างตรงไหนบ้างที่สามารถปรับลดลงได้? ตั้งงบประมาณเพื่อไม่ให้ใช้เงินเกินลิมิตวงเงินที่คุณตั้งไว้
กฎ 50–30–20
ผู้เชี่ยวชาญทางการเงินแนะนำให้ Financial experts recommend เก็บอย่างน้อย 20% ของเงินรายได้สุทธิของคุณ ในแต่ละเดือน คุณสามารถกันเงิน 20% ส่วนนี้ไว้เลยเมื่อเิงนเดือนเข้า โดยสามารถเก็บไว้ในบัญชีเงินฝาก, นำไปลงทุน, หรือใช้หนี้ที่คุณมีอยู่ก็ได้ เมื่อคุณเริ่มทำตามขั้นตอนนี้แล้ว มันจะกลายเป็นสัญชาตญาณและทำได้ง่ายมากขึ้น! แล้วเงิน 80% ที่เหลือล่ะ?
ขั้นต่อไปคือการจัดสรร 50% ของรายได้สุทธิของคุณสำหรับสิ่งจำเป็น (เช่น ค่าเช่า, ค่าสาธารณูปโภค, ค่าโดยสาร หรืออาหารสด เป็นต้น) รวมถึงสิ่งต่าง ๆ ที่มีความจำเป็นในชีวิตประจำวันของคุณก็ให้จัดไว้ในหมวดหมู่นี้เช่นกัน! แน่นอนว่ามันเป็นเพียงหลักการง่าย ๆ และไม่สามารถจะแบ่งเงินให้เป๊ะตามที่ต้องการได้ สิ่งที่เรากำลังจะบอกก็คือการบีบให้ค่าใช้จ่ายส่วนที่จำเป็นให้อยู่ใน 50% นี้เป็นเรื่องที่ชาญฉลาด การใช้จ่ายเกินกว่านั้นอาจหมายถึงคุณใช้เงินไปกับมาตรฐานการใช้ชีวิตเกินกว่าที่คุณสามารถหาได้ ยกตัวอย่างเช่น ถ้า 45% ของรายได้สุทธิครอบคลุมได้เพียงแค่ค่าเช่า คุณคงไม่สามารถบีบให้ค่าประกัน, ค่าอาหารสด, ยอดชำระรายเดือนอื่น ๆ ให้อยู่ใน 5% ที่เหลือได้ บางทีคุณอาจจะลองมองหาที่อยู่ใหม่เพื่อลดรายจ่ายค่าเช่าลง แต่ถ้าคุณใช้จ่ายไปกับส่วนนี้น้อยกว่า 50% ได้ จะเป็นการดีที่คุณเก็บไว้หรือนำไปลงทุนได้อีกด้วย
คุณสามารถใช้ 30% ที่เหลือสำหรับรายจ่ายส่วนตัว (สิ่งที่คุณต้องการ) — ส่วนนี้เป็นรายจ่ายเพื่อเติมเต็มไลฟ์สไตล์ของคุณ อาจจะเป็นเสื้อผ้าใหม่, ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม, ความบันเทิง หรือการท่องเที่ยว ที่สามารถรวมไว้ในหมวดหมู่นี้ได้ และยังมีอีกมากมาย! นั่นเป็นเหตุผลว่าคุณสามารถตัดลดหมวดหมู่นี้ลงได้มากที่สุด เพื่อให้คุณรักษาแนวทางนี้ไว้ได้ คุณสามารถสร้างงบประมาณเพื่อ ช่วยคุณเก็บเงิน และดำเนินการตามงบสำหรับรายจ่ายสิ่งของจำเป็นและรายจ่ายส่วนตัวได้
ขอแนะนำ: กฎ 3 ข้อในการตั้งงบประมาณที่คุณต้องการในชีวิตนี้
เชื่อมต่อกับบัญชีธนาคารของคุณ
ไม่ว่าเป้าหมายทางการเงินของคุณจะเป็นอย่างไร คุณควรมุ่งมั่นทำให้รายรับกับรายจ่ายของคุณแตกต่างกันให้มากที่สุดเสมอ ทุกครั้งที่คุณอัปเดตข้อมูลบัญชี Spendee ในแต่ละวัน (ทั้งแบบด้วยตัวเอง หรือจากการเชื่อมต่อกับบัญชีธนาคาร),คุณสามารถปรับเปลี่ยนการอัปเดต ให้เข้ากับสุขภาพทางการเงินของตัวคุณเองได้! เราแนะนำให้เชื่อมต่อกับบัญชีธนาคารเพื่อให้การวิเคราะห์ทำได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
ขอแนะนำ: รู้จักกระแสเงินสดต่อเดือนของคุณแล้วหรือยัง?
ตัวอย่าง
คุณจะเห็นว่า เอมิลี่มีรายได้ €2,000 ต่อเดือน หลังจากที่เธอล็อกอินเข้าใช้ Spendee แล้ว เธอใช้หลักการง่าย ๆ ในการแบ่งเงินออกได้ดังนี้:
- €1,000 สำหรับรายจ่ายจำเป็น (50%)
- €600 สำหรับรายจ่ายไม่จำเป็น (30%)
- €400 สำหรับเงินเก็บหรือใช้คืนเงินกู้ของเธอ (20%).
จะทำอย่างไรให้ควบคุมกระแสเงินสดของคุณได้อย่างใจ? เริ่มจากการตั้งงบประมาณแย่างเอมิลี่ดูสิ! เพราะนั้นคือแนวทางที่ง่ายที่สุดในการจัดการกับรายจ่ายทั้งหมด ด้วยการตั้งลิมิตไว้ที่ 80% ของรายได้ต่อเดือนของคุณเอง แล้วให้ Spendee คอยช่วยเตือนเมื่อคุณใช้เงินใกล้ถึงลิมิตวงเงินที่ตั้งไว้เอง